พิษณุโลกมีวัดเก่าแก่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ศิลปะสถาปัตยกรรมอยู่มากมายหลายวัด เช่น วัดราชบูรณะ วัดสำคัญตั้งอยู่ใจกลางเมืองบริเวณริมฝั่งแม่น้ำน่าน เยื้องวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (วัดใหญ่) ตรงข้ามกับวัดนางพญา ซึ่งตามประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นในสมัยสุโขทัยตอนปลาย รัชสมัยพระมหาธรรมราชาที่ ๑ (พระยาลิไท) มีประวัติบนแผ่นป้ายไม้ข้อความว่า "วัดราชบูรณะเดิมไม่ปรากฏชื่อ ก่อสร้างมานานประมาณ ๑,๐๐๐ ปีเศษ ก่อนที่พระยาลิไท ได้มาทรงบูรณะปฏิสังขรณ์ จึงได้ชื่อว่า "วัดราชบูรณะ" วัดราชบูรณะ นี้เป็นต้นกำเนิดพระพิมพ์นางพญา
ปัจจุบันตั้งอยู่เลขที่ ๑๖/๑๖๙ ถ.บรมไตรโลกนารถ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพิษณุโลก
ประวัติวัดบนไม้แผ่นป้ายของวัด มีความว่า “วัดราชบูรณะเดิมไม่ปรากฏชื่่อ ก่อสร้างมานาน ๑,๐๐๐ ปีเศษ ก่อนที่พระยาลิไทได้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์ดังนั้นวัดนี้จึงได้ชื่อว่า “วัดราชบูรณะ” รวมความยาวนานถึงปัจจุบันประมาณ ๑,๐๐๐ ปีเศษ
*** วิหารหลวง เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน หันหน้าไปทางทิศตะวันออกพื้นภายในวิหารยกระดับสูงจากพื้นดิน ประมาณ ๑.๗๕ เมตร พระวิหารมีสถาปัตยกรรมแบบทรงโรงมี ๙ ห้อง ศิลปะสมัยสุโขทัยด้านหน้ามีระเบียงมีเสาหานร่วมเรียงในรับ ๔ เสา มีหลังคาโค้งตอนบนกลมเล็กน้อยมุงด้วยกระเบื้องดินเผาสี่เหลี่ยม ผืนผ้า ปัจจุบันมุงด้วยกระเบื้องดินเผาเกล็ดพระยานาคใหม่ หลังคาทำเป็นปีกนกคลุม ๓ ชั้น เดิมมุงด้วยกระเบื้องดินเผาเกล็ดพระยานาคใหม่
--พระประธาน เป็นพระประธานปูนปั้นลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๔ เมตร สูง ๕.๕๐ เมตร ศิลปะสมัยสุโขทัย
-- จิตรกรรมฝาผนัง จิตรกรรมภายในวิหารหลวงทั้งสี่ด้าน มีจิตรกรรมฝาผนังฝีมือสกุลช่างใน รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ เขียนเรื่อง พุทธประวัติ แต่ภาพจิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้ถูกน้ำฝนลบเลือนชำรุดเสียหายไปเกือบหมดแล้ว คงเห็นเป็นภาพจิตรกรรมได้เด่นชัดเฉพาะตรงผนังกลองหน้าพระวิหารเขียนเป็นภาพพระพุทธเจ้าผจญมารเต็มทั้งฝาผนัง
***อุโบสถวัดราชบูรณะ
--เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน อุโบสถ มีขนาดกว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๑๘ เมตร สูง ๑๐ เมตร ผนังหนาราว ๕๐ เซนติเมตร หันหน้าไปทางทิศตะวันออก พื้นภายในพระอุโบสถยกระดับสูงจากพื้นดินประมาณ ๑.๗๕ เมตร มีกำแพงแก้วล้อมรอบอีกชั้น
อุโบสถมีสถาปัตยกรรมแบบทรงโรง มี ๖ ห้อง ซึ่งเป็นศิลปะสมัยสุโขทัย มีหลังคาโค้งตรงกลางเล็กน้อย มุงด้วยกระเบื้องดินเผาสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคานั้นเป็นปีกนกคลุมสามชั้น มุงด้วยกระเบื้องดินเผาแบบเกล็ดพระยานาค จั่วหน้าหลังเป็นจั่วแบบภควัมมีประดับด้วยกระจกสีน้ำเงินและเหลือง มีช่อฟ้าบนหลังคาอุโบสถหน้าหลัง มีรวยระกาที่หน้าบรรณ บานประตูด้านหน้า และหลังรวม ๕ คู่ แกะสลักดอกไม้มีสี่กลีบแบบดอกลำดวน ประดับกระจกสีน้ำเงินและสีเหลืองรอบพระอุโบสถมีกำแพงแก้ว ก่ออิฐถือปูนสูงประมาณ ๑.๒๕ เมตร โดยรอบ
--ใบเสมา ใบเสมาหินทรายตั้งอยู่บนฐานบัวกลุ่มกลีบซ้อนเรียงกัน ๘ ชั้น มีทั้งใบเสมาเดี่ยวและใบเสมาคู่ แต่เหลือเพียง ๗ ที่ใบเสมาถูกย้ายไป ๑ ที่ คราวก่อสร้างถนนมิตรภาพผ่านวัดราชบูรณะ ภายในพระอุโบสถมีเสาหานร่วมเรียงกันอยู่ใน ๒ แถว แถวละ ๕ ต้น รวมเป็น ๑๐ ต้น เสาศิลาแลงกลมก่ออิฐถือปูนขนาดเส้นผ่า ศูนย์กลาง .๘๐ เมตร ทาสีแดง มีลายดอกไม้เรียงบนพื้นสีดำลายฉลุสีทองที่โคนเสา และที่ปลายเสา เพื่อรองรับตัวขื่อ มีบัวหัวเสาเป็นตัวขื่อ มีบัวหัวเสาเป็นกลุ่มกลีบซ้อนเรียงกัน ๕ ชั้น เพดานบนมีลายดอกไม้เขียนบนพื้นไม้ พื้นสีดำลายฉลุสีทองบนจั่วด้านหลังพระประธานมีภาพเขียน ๕ ภาพ เป็นเรื่องพุทธประวัติ (พระเกศแก้วจุลมณี)
-- พระประธาน ในอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทองปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๒ เมตร สูง ๓ เมตร ศิลปะสมัยสุโขทัยประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชี
--ธรรมาสน์ไม้เก่า ธรรมาสน์ไม้เก่าที่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ได้ ทรงทอดพระเนตรเห็นนั้น ปัจจุบันกรมศิลปากรได้บูรณะและนำไปตั้งแสดงไว้ ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติรามคำแหงจังหวัดสุโขทัย
--จิตรกรรมฝาผนัง บริเวณ ผนังอุโบสถวัดราชบูรณะยังมีความงามจิตรกรรมประดับตกแต่งอยู่ ๔ ด้าน ตอนบนเขียนเรื่อง รามเกียรติ์ติดต่อกันไปและตอนที่เขียนได้ดีที่สุดคือตอน "ทศกัณฐ์สั่งเมือง" ซึ่งอยู่ที่ผนังด้านทิศเหนือส่วนด้านล่างติดกับพื้น เขียนเรื่อง "กามกรีฑา" ซึ่งไม่ปรากฏว่าเคยพบที่ใดเลยมาก่อน ภาพที่เขียนดังกล่าวที่แสดงถึงลักษณะพิเศษของท้องถิ่นและแสดงอารมณ์ของศิลปินไว้ไม่น้อย
--ภาพเขียนทั้งหมดสันนิฐานคงจะเขียนขึ้นในสมัย รัตนโกสินทร์ ราวรัชกาลที่ ๔ แต่ปัจจุบันกำลังจะลบเลือนไปหมดแล้วเพราะถูกน้ำฝนรั่วจากหลังคามาเป็นทางยาว ทำให้ภาพดังกล่าวไดชำรุดและกะเทาะออกไปด้วย
**หอไตรเสากลม
เป็นหอคอนกรีตใต้ถุนสูงมีขนาดกว้าง ๖ เมตร ยาว ๖ เมตร สูง ๑๑ เมตร มีเสาปูนกลมเรียง ๔ แถว แถวละ ๔ ต้น รวม ๑๖ ต้น สูงต้นละ ๔ เมตร มีบัวหัวเสากลับ ๒ ชั้น ชั้นล่างเป็นหอระฆัง ชั้นบนเป็นหอไตร ให้เป็นที่เก็บรักษาพระธรรมคัมภีร์ต่างๆ หอไตรทำด้วยไม้สับแบบฝาประกน มีประตูเข้า ๑ ประตู ทางด้านทิศใต้มีระเบียงกว้าง ๑ เมตร เดินได้รอบมีหน้าบัน ๔ ทิศ เป็นปูนปั้น มีช่อฟ้าใบระกา หางหงส์ รูปนาคปูนปั้น ทุกมุมรวม 8 ต้น ทิศเหนือและทิศใต้ มีลายปูนปั้นรูปพระยาครุฑจับพระยานาค ยอดหอไตร มียอดเรียวแหลมคล้ายยอดของพระเจดีย์ที่มียอดเหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง รอบหอระฆังมีกำแพงแก้วล้อมรอบมีขนาดกว้าง ๑ เมตร ยาว ๑๐ เมตร มีซุ้มประตูกำแพงแก้วทิศใต้ หอไตรวัดราชบูรณะนี้สร้างเมื่อปีใด ไม่ปรากฏหลักฐาน หากพิจารณาตามรูปแบบสถาปัตยกรรมแล้วสันนิษฐานว่า หอพระไตรนี้คงมีอายุระหว่าง ๗๐ - ๑๐๐ ปี
***โรงเรียนพระปริยัติธรรม (หอไตรไม้)
โรงเรียนพระปริยัติธรรมหลังนี้สร้างเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐาน แต่หากพิจารณาตามรูปแบบของสถาปัตยกรรมแล้วสันนิษฐานว่า น่าจะมีอายุระหว่าง ๗๐ - ๑๐๐ ปี
***เรือรับเสด็จสมัยรัชกาลที่ ๕
รัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสเมืองพิษณุโลกเมื่อ รศ. ๑๒๐
นมัสการพระพุทธชินราชและเสด็จไปประพาสสถานที่ต่างๆ
และเยี่ยมเยียนพสกนิกรของพระองค์ได้ทรงเรือลำนี้เป็นเรือพระที่นั่งแทนเรือพระที่นั่งที่มาจากเมืองหลวง (บางกอก)
เมื่อปี ๒๕๒๗ ทหารค่ายสฤษณ์เสนา ได้มาพัฒนาวัดราชบูรณะ ใช้ทหาร ๓๐๐ นาย พัฒนาสามวันสามคืน ได้ขุดเอาเรือพระที่นั่งรับเสด็จลำนี้ขึ้นมา ทำการบูรณะซ่อมแซม และได้จัดตั้งไว้กลางลานวัดหน้ากุฏิไม้ในปัจจุบัน (เดิมเรือพระที่นั่งรับเสด็จลำนี้ จมดินเหลือแต่ท้ายเรือเท่านั้นที่พ้นดิน) ต่อมา เมื่อปี ๒๕๓๓ ฉลอง ๔๐๐ ปี ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทางศึกษาธิการจังหวัดพิษณุโลก ได้มาอันเชิญเรือพระที่นั่งรับเสด็จสมัย ร. ๕ ลำนี้ ไปทำการบูรณะซ่อมแซมอีกครั้ง และได้นำลงแม่น้ำน่านเป็นครั้งแรก ซึ่งไม่เคยนำลงน้ำมาเป็นเวลานับร้อยปี เพื่อฉลองครบรอบ ๔๐๐ ปี ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในนามเรือ "พระยาจีนจัตุรัส" หลังจากนั้น ได้อันเชิญขึ้นมาไว้ที่วัดราชบูรณะดังเดิมจนถึงปัจจุบัน (นายทองหล่อและนางลั่นทม บำรุงไทย ได้สร้างที่เก็บเรือไว้เป็นอนุสรณ์)***พระบรมสารีริกธาตุวัดราชบูรณะ
รมศิลปากรได้ขุดค้นเจดีย์หลวงวัดราชบูรณะ เพื่อจะทำการบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ ได้ขุดค้นพบพระบรมสารีริกธาตุ ที่บรรจุไว้ในคอระฆังของเจดีย์-หลวง ซึ่งบรรจุอยู่ในผอบ และเจดีย์จำลองเล็กๆ ที่ทำจากทองสำริด ซึ่ง ทางวัดจึงได้นำไปให้พุทธศาสนิกชนได้สักการบูชาที่ศาลาการเปรียญ และในขณะนี้วัดราชบูรณะกำลังดำเนินการก่อสร้างมณฑปเพื่อประดิษฐานพระบรม สารีริกธาตุให้พุทธศาสนิกชนได้สักการบูชา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น