ที่ตั้ง
หากเดินทางโดยรถยนต์ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
101 ก่อนเข้าสู่เมืองน่านคงจะสังเกตเห็นวิหารสีทอง อยู่บริเวณหัวมุมถนนด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ของสี่แยกถนนเจ้าฟ้าตัดกับถนนสุริยพงษ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดศรีพันต้น
วัดศรีพันต้น
สร้างขึ้นในสมัยของพญาพันต้น ซึ่งเป็นเจ้าผู้ครองนครน่านแห่งราชวงศ์ภูคา
(พ.ศ.1960-1969) ชื่อวัดมาจากนามของผู้สร้างคือ พญาพันต้น บางสมัยเรียกว่า
วัดสลีพันต้น ซึ่งในอดีตมีต้นสลี(ต้นโพธิ์) ต้นใหญ่อยู่ทางทิศเหนือและทิศใต้ของวัด
แต่ปัจจุบันถูกโค่นลงเพื่อตัดถนนไปแล้ว
ความเป็นมา
ในสมัยเจ้าอนันตวรฤทธิเดชขึ้นครองเมืองน่านในปีพ.ศ.2395 ปรากฏหลักฐานที่เหลืออยู่ว่า เจ้าอนันตวรฤทธิเดชได้สร้างวิหารวัดแห่งหนึ่งในสมัยนั้น ซึ่งแต่เดิมเป็นวิหารไม้ พอกาลเวลาผ่านไปเกิดความชำรุดทรุดโทรมลงไปมาก จึงได้รับการสร้างขึ้นใหม่เป็นวิหารก่ออิฐถือปูน อิฐที่นำมาสร้างพระวิหารในตอนนั้นมีลักษณะเป็นปูนขาวผสมกับน้ำเมือก อันแตกต่างไปจากอิฐในปัจจุบัน ซึ่งเรายังคงสามารถสังเกตเห็นอิฐโบราณนี้ได้ในบริเวณกำแพงวัดด้านตะวันออก โดยผู้คนในชุมชนเรียกว่า “กำแพงปล่องไข่” แต่เดิมวัดดนี้มีชื่อเรียกว่า “วัดพันต้น” ครั้นเจ้าเมืองได้เกณฑ์ให้ข้าราชการและขุนนางทั้งหลายช่วยกันปลูกต้นสลี (ต้นโพธิ์) จำนวนถึงพันต้น จึงเรียกวัดนี้ว่า “วัดสลีพันต้น” ต่อมาชื่อวัดก็ได้เพี้ยนไปเป็น “วัดศรีพันต้น” และก็ถูกเรียกขานมาจนถึงปัจจุบัน
ปี พ.ศ.2538 ซึ่งเป็นปีกาญจนาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์วิหารวัดศรีพันต้นครั้งใหญ่ขึ้น และชุมชนได้ส่งหนังสือถึงสำนักพระราชวัง เพื่อขออนุญาตใช้ตรากาญจนาภิเษกประดิษฐานไว้บนหลังคาพระวิหาร ทำให้วิหารมีชื่อว่า “วิหารกาญจนาภิเษก” และได้ทำการบูรณะแล้วเสร็จในปีพ.ศ.2547 โดยตัววิหารได้รับการทาสีเป็นสีทองอร่ามทั้งหลัง มีพระพุทธรูปประธาน ที่มีชื่อว่า “พระพุทธสลี” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ในแบบศิลปะสุโขทัยประดิษฐานอยู่ภายใน ผนังวิหารเป็นจิตรกรรมบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองน่าน รามเกียรติ์ วิถีชีวิต และภูมิปัญญาชาวบ้านในแต่ละพื้นที่ของเมืองน่าน บานประตูหน้าต่างเป็นไม้แกะสลักตามจินตนาการของสล่า(ช่าง)
หากได้มาเยี่ยมชมความงามของวิหาร
กาญจนาภิเษกของวัดศรีพันต้นแล้ว
ก็จะไม่พลาดที่ชื่นชมความใหญ่โตของเรือพญาฆึไปในขณะเดียวกัน
ซึ่งถือว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมคู่ชุมชนและวัดศรีพันต้นมาแต่โบราณ
จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางทั้งภายในและภายนอกจังหวัดน่าน
ประวัติ
เรือลำนี้ชื่อว่า "เรือ เลิศเกียรติศักดิ์ (พญาฆึ)" ประวัติ
ของเรือเลิศเกียรติศักดิ์ เป็นเรือต่อทั้งลำ โดยการนำของ
ท่านพระครูวิสุทนันทกิจ เจ้าอาวาสวัดศรีพันต้น
ได้ซื้อไม้มาจากป่าสุสานบ้านศรีนาป่าน ตำบลเรือง ได้ต่อเรือเมื่อปี พ.ศ.
2546 สำหรับเรือ เลิศเกียรติศักดิ์ (พญาฆึ)
เป็นเรือที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดน่าน
(และเรือแข่งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย) สามารถบรรจุฝีพายได้ 100 คน
ที่มา: ภาพโรงเรือและเรือพญาฆี จากจุลสารจังหวัดน่าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น